สวัสดีผู้อ่านทุกท่านอีกครั้ง
หลังจากห่างหายไปนาน
วันนี้จึงขอกลับมาจัดเต็มกันอีกครั้งกับบทความเกี่ยวกับยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยี
วันนี้จะขอนำเสนอบทความแรกในธีม
“ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ” กันนะครับ
ตอนที่ 1 Panus Assembly
ในตอนแรกนนี้นั้นจะขอนำเสนอบริษัทแรกของคนไทยที่
ถ้าพูดถึงการส่งขนทางบกของไทยต้องนึกถึงบริษัทนี้เลยครับ ซึ่งบริษัทนั้นก็คือ “Panus Assembly” นั้นเอง!!!!
บริษัท Panus Assembly นั้นหรือชื่อในไทยที่คุ้นเคยกันง่ายๆ
คือ บริษัท พนัส นั่นเองครับ
บริษัท
พนัสเริ่มก่อตั้งในปี 1969 หรือเมื่อ 46 ปีก่อนนั่นเอง โดยในช่วงเริ่มก่อตั้งบริษัทนั้นทาง
พนัส เริ่มด้วยการนำไม้มาต่อประกอบเป็นรถกระบะบรรทุกหกล้อ และสิบล้อ
เพื่อใช้บรรทุกข้าว และสินค้าทางการเกษตร โดยใช้ไม้มะค่าทำเป็นกระบะข้างเพราะมีความคงทนและสวยงาม
ส่วนไม้ประดู่ใช้ทำคานรถเพราะมีความเหนียวและแข็งแรง (ลอกแบบจากเกวียนสมัยก่อน)
ซึ่งทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัทผลิตรถพ่วงที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย
รวมไปถึงยังสามารถส่งออกไปยังหลายประเทศทั้งใน ASEAN และยังสามารถส่งออกอีกหลายผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศอีกหลายประเทศด้วยเช่นกัน
แต่บางคนอาจจะงงหน่อยๆว่าแล้วยังไงล่ะ
เค้าก็ทำเกี่ยวกับพวกนี้ก็ไม่แปลกนี่ ยังครับยัง ผมยังอธิบายไม่หมด
นอกจากที่ทางพนัสจะเน้นการทำรถพ่วง
รถดั้มพ์เป็นหลักเพื่อป้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมขนส่งแล้วนั้น
ทางพนัสยังสามารถทำรถลากเครื่องบินเพื่อใช้สำหรับภารกิจ GSE (Ground Support Equipment)
เพื่อใช้สำหรับการสนับสนุนภาคพื้นดินของอากาศยาน
โดยมีผลงานด้าน GSE ดังนี้
-รถดันและลากจูงอากาศยาน / Aircraft Towing Tractor for Airbus 380
โดยมีผลงานด้าน GSE ดังนี้
-รถดันและลากจูงอากาศยาน / Aircraft Towing Tractor for Airbus 380
-รถบันไดสำหรับผู้โดยสาร (Self-Propelled
and Towed Able Passenger Stair)
-รถลำเลียงอาหาร
(Catering Truck)
-รถสายพานลำเลียงสัมภาระและสินค้า
(Self-Propelled
and Towed Able Conveyor Belt Loader)
-รถน้ำดื่ม (Potable Water Truck)
-รถถ่ายสิ่งปฏิกูล
(Lavatory Truck)
-รถลำเลียงสัมภาระและสินค้า
(Baggage and
Cargo Cart)
ร่วมเป็นพันธมิตรกับต่างประเทศ
โดยร่วมพัฒนาและผลิตรถลากเครื่องบินในนามของบริษัท Bliss Fox จำกัด
ประเทศออสเตรเลีย ในการให้บริการขนส่งแก่สายการบินต่างๆ ในสนามบินหลายแห่งทั่วโลก
เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์, แควนตัส,เจแปนแอร์ไลน์,
บริติชแอร์เวย์,แอร์เอเชีย,ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ ฯลฯ
![]() |
GSE ที่ทางพนัสทำร่วมกับ Bliss Fox |
![]() |
GSE ที่ทางพนัสทำร่วมกับ Bliss Fox |
รวมทั้งสายการบินต่างๆ
อย่าง การบินไทยและบางกอกแอร์เวย์ในสนามบินสุวรรณภูมิด้วยและในปี 2550
ได้ผลิตรถลากเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับลากเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลกเที่ยวบินแรก
คือ แอร์บัส เอ 380 ของสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ที่สนามบินซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
นี่ก็ถือว่าเป็นการก้าวที่ยิ่งใหญ่ของเอกชนไทยแล้วนะครับ
แต่ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้เมื่อทาง Panus
Assembly ได้เริ่มเข้ามามีส่วนในการซ่อมบำรุง
คืนสภาพรถสงครามตราอักษร Pegazo
ให้กับหน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
กองทัพเรือและหน่วยปืนใหญ่นาวิกโยธิน กองทัพเรือ
ซึ่งถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญที่พา พนัส
ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมทางทหารอย่างไม่ทันตั้งตัว หลังจากเวลาผ่านไป 12 หลังจากการที่
พนัสได้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมทางทหารก็ได้ให้กำเนิด รถหุ้มเกราะล้อยางแบบ MRAP รุ่น Phantom-380X
ที่ถูกออกแบบโดยบริษัท
D-Corp Asia ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยและดำเนินการผลิตโดย
Panus Assembly ซึ่งเป็นบริษัทคนไทยเช่นเดียวกัน โดยที่ตัวรถนั้นออกแบบมาให้สามารถกันระเบิดใน Level 4A ได้ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นอีกก้าวสำคัญของ Panus Assembly
ที่เริ่มผลิตยานเกราะป้อนให้กองทัพภายในประเทศ ซึ่งหน่วยงานแรกที่รับไปใช้งานทดสอบคือ
หน่วยนาวิกโยธิน สังกัดกองทัพเรือ โดยนำไปใช้งานเขต 3
จังหวัดชายแดนใต้ในภารกิจลาดตระเวนซึ่งคอยระมัดระวัง IED หรือ
ระเบิดแสวงเครื่องดังนั้นการนำรถแบบดังกล่าวลงไปใช้ถือเป็นการคุ้มครองกำลังพลที่ดีเลยล่ะครับ
![]() |
Phantom-380X-1 |
![]() |
คุณลักษะเบื้องต้นของ Phantom-380X-1 |
และยังไม่ได้หมดเพียงแต่เท่านี้นะครับ ยังมีอีกโครงการที่สำคัญที่ทางพนัสได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเรือเจ้าเดิมคือ การปรับปรุงรถหุ้มเกราะแบบ V-150 มาทำการปรับปรุงใหม่โดยได้มีการออกแบบโครงสร้างใหม่ให้มีความแข็งแรงและสะดวกสบาย มีพื้นที่ใช้งานภายในกว้างขวาง บรรทุกทหารได้รวม 10 นาย ติดแอร์ ตัวรถ HMV-150 มีน้ำหนัก 16 ตัน มีความยาว 6.5 เมตร ความกว้าง 2.5 เมตรโครงสร้างเป็นแบบ 2 ชั้น ตรงกลางฉีดโฟม เกราะด้านข้างและด้านบนหลังคาหนา 12 มม. ส่วนใต้ท้องหนา 16 มม. ทำให้ป้องกันการยิงจากรอบข้างและป้องกันแรงระเบิดได้ดี โดยเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็นรุ่น Cummins isle +350 8.9 litres Euro 3 ให้กำลัง 350 แรงม้า ทำให้รถมีความเร็วสูงสุดถึง 110 กม./ชม. ระบบเกียร์แบบอัตโนมัติ Alison 4500 Shp 6 speed ระบบการหันเลี้ยวเป็นแบบ 4 ล้อ ทำให้ทำมีวงเลี้ยวแคบมาก ในเบื้องต้นใช้ป้อมเดิมใส่ไว้ แต่สามารถเปลี่ยนเป็นป้อมที่ทันสมัยควบคุมการยิงจากภายในตัวรถได้ จากการปรับปรุงรถ Commando V-150 ใหม่เป็นรุ่น HMV-150 ในครั้งนี้ ทำให้รถมีความเร็วและแรงเพิ่มขึ้น มีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ ห้องโดยสารสบายขึ้น มีเกราะป้องกันที่หนาขึ้น กองทัพสามารถใช้งานรถรุ่นนี้ไปได้อีกนานหลายสิบปี โดยมีประสิทธิภาพ และขีดความสามารถเทียบเท่ารถหุ้มเกราะล้อยางที่ทันสมัยในปัจจุบัน อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการจัดหารถใหม่ ที่สำคัญคือเราสามารถดำเนินการสร้างได้เองในประเทศ ทำให้การส่งกำลังบำรุงรักษาซ่อมทำ มีความสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตและโรงงานภายในประเทศอีกด้วย ที่สำคัญเหมาะสำหรับนำไปใช้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้คุ้มครองป้องกันชีวิติทหารได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้ว่าทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเกิดจากฝีมือคนไทยทั้งสิ้น
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งว่า
เอกชนไทยสามารถผลิตยุทโธปกรณ์ดีๆป้อนให้กับกองทัพได้แล้ว
และยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศรวมไปถึงการสร้างงานด้วยเช่นกัน
สุดท้ายนี้ทางเรายังมีรูปผลิตภัณฑ์ของทางพนัสมาให้ดูเป็นตัวอย่างด้วยนะครับ
โดยจะมีข้อมูลอยู่ใต้รูปด้วยนะครับ อย่าลืมเข้าไปกดดูกันนะครับ
ปล.อย่าลืมแชร์ไปให้คนไทยรู้ถึงความภูมิใจนี้ด้วยกันนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://pantip.com/topic/31856327
https://www.facebook.com/sompong.nondhasa
และขอขอบคุณข้อมูลจากทางบริษัท Panus Assembly เป็นอย่างยิ่ง
http://www.panus.co.th/home
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น