วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2561

T-14 Armata สุดยอดรถถังจากรัสเซีย

T-14 Armata รถถังหลักของรัสเซียที่มีความทันสมัยที่สุดในขณะนี้

รถถัง ตั้งแต่ปี1945หลังจากที่เยอรมันพ่ายแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ความขัดแย้งระหว่างสหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มขึ้นจากการแย่งชิงประเทศเยอรมันจนถูกแบ่งเป็นเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตก ตั้งแต่นั้นมาสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นคู่แข่งกันมาโดยตลอดจนกระทั่งสหภาพโซเวียตได้ล่มสหลายการแข่งขันด้านเทคโนโลยีก็ยังคงดาเนินต่อไประหว่าง รัสเซียและสหรัฐอเมริกา M-60 VS T-72, M1A2 VS T-90 จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัว M1A2 SEP V.3 ออกมาทางรัสเซียจึงไม่น้อยหน้าออกรถถังใหม่ที่มีชื่อว่า T-14 Armata



ที่มา : https://en.wikipedia.org/wiki/T-14_Armata#/media/File:9may2015Moscow-01.jpg

T-14 Armata (ภาษารัสเซีย T-14 «Армата» ชื่อในโรงงานผลิต “Obyekt 148”) คือรถถังหลักรุ่นถัดไปหรือ Next Generation โดยอิงพื้นฐานมาจาก Armata Universal Combat Platform ถูกผลิตขึ้นเป็นชุดแรก ซึ่งเดิมทีทางกองทัพรัสเซียมีแผนที่จะสั่งซื้อ T-14 จานวน 2,300 คันในช่วงปี 2015 – 2020 


T-14 ชุดแรกจำนวน 100 คันจะถูกนำไปประจาการในหน่วย Taman Division (2nd Guards Motor Rifle "Tamanskaya" Division named after M.I. Kalinin) คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2020 และจะถูกส่งมอบหลังจากทำการทดสอบทั้งหมดเสร็จสิ้น 


T-14 มีความแปลกใหม่ที่สำคัญที่สุดคือป้อมปืนไร้พลขับ พลประจำรถทั้งสามนาย (ผู้บัญชาการ, พลขับและพลยิง) จะนั่งอยู่ในแคปซูลหุ้มเกราะด้านหน้าของตัวถัง ซึ่งได้รับการพัฒนามาตลอด 5 ปี 


Armata เป็นรถถังใหม่ที่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เป็นตัวแทนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบรรดายานหุ้มเกราะโจมตี ในค่ายรัสเซียที่เคยมีการสร้างออกมา นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่ารถถังตระกูล T-72 ทำให้ T-14 มีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Leopard 2A7 ของเยอรมนี 


จุดเด่นทางเทคโนโลยีอันสำคัญของ T-14 คือป้อมปืนที่หมุนรอบตัวชี้ปลายกระบอกปืนใหญ่เข้าหาเป้าหมายเองแบบอัตโนมัติ ใช้ระบบการป้อนกระสุนอัตโนมัติ และผู้บังคับนั่งบัญชาการอย่างปลอดภัยอยู่ในห้องแบบแคปซูลหุ้มเกราะแน่นหนาอยู่ทางด้านหน้าของรถถัง แยกออกไปจากห้องเก็บกระสุนปืนใหญ่ จรวด และวัตถุระเบิดต่าง ๆ 


ความเร็วต้นและความแรงที่ปากกระบอกปืน (Muzzle Velocity/Energy) ของปืน 125 มม.รุ่นใหม่ของ T-14 วัดค่าได้สูงกว่าของปืน 120 มม.โดยบริษัท Rheinmetall ที่ติดตั้งในรถถัง Leopard 2 ของเยอรมนี และในรถถัง TK-X รุ่นแรก ๆ ของญี่ปุ่นด้วย นอกจากนั้นก็ยังพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งโดยการติดเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ กลายเป็นรถถังหลักวิ่งได้เร็วที่สุดในโลกในขณะนี้


T-14 ยังหุ้มด้วยเกราะรุ่นแบบใหม่ทั้งแบบ Active และ Reactive ด้านนอกส่วนท้ายติดตั้งเกราะตะแกรงรุ่นใหม่ รับมือการโจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิด RPG หรือจรวดขนาดเล็กทั่วไป ติดปืนใหญ่ขนาด 30 มม. อัตโนมัติที่สามารถยิงอากาศยานไร้การควบคุมที่บินระยะต่ำา ยิงเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมทั้ง
เครื่องบินข้าศึกได้ และยังมีปืนกลยิงเร็วอัตโนมัติ 12.7 มม. อีกกระบอกหนึ่งติดบนป้อมปืน สาหรับยิงทำลายจรวดหรือกระสุนของข้าศึกที่ยิงเข้าใส่


ระบบควบคุมการยิงของ T-14 ล้วนควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทาให้ปืนใหญ่ 125 มม. ที่ใช้อยู่ในรุ่นปัจจุบันมีระยะหวังผลถึง 5,000 เมตร และมีขีดความสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปถึง 8,000 เมตร ความเร็วต้นกระสุนชนิด APFSDS คือ 1,980 เมตรต่อวินาที


พลประจำรถทั้งสามนายจะอยู่ในตัวรถถังด้านหน้าทั้งหมด ไม่ประจำอยู่ในป้อม โดยพลขับจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ พลยิงอยู่ตรงกลาง ส่วนผู้บัญชาการจะประจำอยู่ทางฝั่งขวามือ ระบบควบคุมภายในเกือบทั้งหมดเป็นแบบดิจิทัล

ภาพ: ระบบต่างๆที่ถูกติดตั้งไว้บนป้อมของ T-14 Armata
ที่มา : http://tapnewswire.com/2016/11/uk-military-shocked-by-russias-armata-revolutionary-tank/

T-14 Armata [«Армата» (Obyekt 148)] 

Type: Main Battle Tank
สัญชาติ: รัสเซีย
ประจำการ: -
ผู้ใช้งาน: กองทัพรัสเซีย
ผู้ออกแบบ: Ural Design Bureau of Transport Machine-Building, Uralvagonzavod
บริษัทผู้ผลิต: Uralvagonzavod
มูลค่า: ประมาณ 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
น้าหนัก: 48 ตัน
ความยาว: 10.8 เมตร
ความกว้าง: 3.5 เมตร
ความสูง: 3.3 เมตร
พลประจารถ: 3 นาย (ผู้บัญชาการรถถัง พลปืน และพลขับ)
เกราะ: 44S-sv-Sh, 900 mm vs APFSDS and 1400 vs HEAT. Internal armored capsule with more than 900 mm RHA equivalent, Malachit (4th generation ERA) can reduce penetration of APFSDS and HEAT rounds by at least 50%
อาวุธหลัก: ปืนใหญ่ลากล้องเกลี้ยง 2A82-1M ขนาด 125 มม. กระสุนจำนวน 45 นัด (32 นัดในระบบ Auto-loader) ในอนาคตอาจติดปืน 2A83 ขนาด 152 มม.
อาวุธรอง: ปืนกล Kord ขนาด 12.7 มม., ปืนกล PKMT ขนาด 7.62 มม.
เครื่องยนต์: เครื่องยนต์ Diesel 1,500 - 2,000 แรงม้า กาลัง/น้าหนัก: 31 แรงม้า/ตัน
พิสัย: 500 กิโลเมตร ความเร็ว: 80 - 90 กม./ชม.
มุมกด: ไม่ทราบแน่ชัด
----

ภาพ: รายละเอียดของT-14ที่มีการวางแผนไว้
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=htBlFRFF7ec

[อาวุธยุทธภัณฑ์] 
              อาวุธหลัก ของ T-14 คือปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 125 มม. 2A82-1M ซึ่งแทนที่ปืนใหญ่รุ่น 2A46 ของรัสเซียและโซเวียตก่อนหน้านี้ พลังงานปากกระบอกของปืน 2A82-1M ใหญ่กว่า Rheinmetall 120 mm ของเยอรมนีซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปืนใหญ่ที่ดีที่สุดในโลก ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.มีความแม่นยาดีขึ้น 15 - 20% และมีการกระจายการยิงเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าและไม่มีเครื่องดูดควัน (เนื่องจากภายในป้อมไม่มีพลประจารถ) อัตราการยิง 10 – 12 นัดต่อนาที ฝั่งซ้ายมีช่องถ่ายเทอากาศสาหรับเขม่าจากกระสุนและจรวด ATGM ปืนใหญ่ 2A82-1M สามารถยิงกระสุน APFSDS, มิสไซล์นาวิถี, Shaped-Charge และกระสุนชนิดอื่น ๆ ได้ กระสุน Vacuum-1 ถูกพัฒนาขึ้นสาหรับปืนใหญ่ 2A82-1M มีแกนเจาะเกราะ 900 มม. ซึ่งอ้างว่าสามารถทะลวงเกราะที่เทียบเท่า RHA 1 เมตรในระยะทาง 2 กิโลเมตรได้ กระสุน HE-Freg “Telnik” ซึ่งมีระบบควบคุมการระเบิดรุ่นใหม่ก็ได้รับเข้าประจาการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการยิงขีปนาวุธนาวิถีอย่าง 9M119M1 Invar-M ที่มีผลตั้งแต่ 100 เมตรถึง 5 กิโลเมตร และใช้ยิงใส่เป้าหมายทางอากาศต่ำอย่างเฮลิคอปเตอร์ได้อีกด้วย อันเป็นคุณลักษณะแรกที่นำมาใช้กับรถถังของโซเวียตในทศวรรษที่ 1960 โดยมีการพัฒนา 3UBK21 Sprinter ATGM ขึ้น ซึ่งมิสไซล์ดังกล่าวมีไว้ใช้สาหรับการป้องกันทางอากาศและ ATGM ที่มีระยะหวังผลสูงสุดถึง 8 กิโลเมตร


ความแตกต่างระหว่างปืนใหญ่ลำกล้องเรียบแบบ 2A46M และ 2A82
ที่มา : https://www.quora.com/Whats-the-analysis-on-the-Russian-T-14-Armata-tank-How-does-it-compare-with-western-tanks-like-the-M-1-Abrams-Leopard-2-and-Challenger-2-It-seems-very-light-compared-with-current-generation-MBTs

Optical Sensor
มีระยะการตรวจจับไกลถึง 5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางวัน สาหรับเป้าหมายที่มีขนาดเท่ารถถังหรือยานเกราะทั่วไป และอย่างน้อยราว 3.5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางคืนด้วยกล้องสร้างภาพความร้อน (Thermal Imaging Channel) กล้องเล็งของพลยิงมีการซูมด้วย Optical Channel ในระดับ 4x และ 12x ส่วนเครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ ในทางทฤษฎีแล้วสามารถทาได้สูงสุดถึง 7.5 กิโลเมตร นอกเหนือจากนี้ยังมีการลดระดับระบบที่สามซึ่งสามารถทาการยิงได้ในขณะที่ตัวรถกาลังเคลื่อนที่ และพลประจำรถสามารถใช้กล้องความละเอียดสูงที่หมุนได้รอบ 360 องศา


อาวุธรอง เป็นปืนกลขนาด 12.7 มม. Kord (GRAU index 6P49) จำนวน 300 นัด (ไม่พบในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ) และปืนกลขนาด 7.62 มม. Pecheneg PKP (GRAU Index 6P41) หรือปืนกล PKTM (6P7K) จำนวน 1,000 นัด ซึ่งใช้ระบบรีโมทคอนโทรลในการควบคุม และมีการจัดเก็บกระสุนแยกไว้ต่างหากจำนวน 1,000 นัด ปืนกลขนาด 12.7 มม. ติดตั้งเหนือกล้องเล็งของผู้บัญชาการซึ่งอยู่บนหลังคาป้อมเพื่อไม่ให้กีดขวางทัศนวิสัย ในขณะที่ด้านหน้าของเครื่องป้อมมีช่องแปลกตา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีไว้สาหรับปืนร่วมแกนขนาด 7.62 มม. ป้อมของตัวรถถังอาจติดตั้งปืนขนาด 30 มม.ร่วมด้วย โดยใช้ต่อต้านเป้าหมายที่เป็นอากาศยานบินต่ำ เช่นเครื่องบินจู่โจมและเฮลิคอปเตอร์


ในอนาคต T-14 อาจจะได้ใช้ปืนใหญ่ขนาด 152 มม.รุ่น 2A83 แทนรุ่น 2A82 ปืนดังกล่าวถูกสร้างขึ้นประมาณปี 2000 สาหรับรถถังต้นแบบ T-95 ซึ่งกระสุน APFSDS มีความเร็วปากกระบอกปืนสูงถึง 1,980 เมตรต่อวินาที และลดความเร็วลงเพียง 1,900 เมตรต่อวินาทีในระยะ 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามเหล่าวิศวกรชาวรัสเซียก็คงขนาดปืน 125 มม.เอาไว้ โดยประเมินไว้ว่าการปรับปรุงกระสุนอาจเพียงพอต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้จะสรุปออกมาได้ว่าลากล้องปืนที่มีขนาดใหญ่จะให้ประโยชน์ในทางปฏิบัติน้อยก็ตาม

T-14 สามารถใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานได้ และปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 30 มม.อาจถูกนามาติดตั้งร่วมด้วยในอนาคตอันใกล้พร้อมกับปืนกลขนาด 12.7 มม.

ภาพ: ระบบ FCS หรือ fire control system ของรถถัง T-14 Armata
ที่มา : http://sturgeonshouse.ipbhost.com/topic/131-glorious-t-14-armata-pictures/?page=42

[ความคล่องตัว]
ระบบขับเคลื่อน ของรถถัง T-14 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ChTZ 12H360 (A-85-3A) ที่ให้กำลังขับเคลื่อนได้ถึง 1,500 แรงม้า และกำลังสูงสุดในเชิงทฤษฎี (ที่ไม่ได้ถูกใช้งานในยามปกติ) คือ 2,000 แรงม้า ต้นทุนของการลดอายุการใช้งานลดลงอย่างน้อย 2,000 ชั่วโมงที่ 1,500 แรงม้าเมื่อเทียบกับรถถังหลักคันอื่นที่ทันสมัย และในระดับสูงสุดถึง 10,000 ชั่วโมงที่ระดับ 1,200 แรงม้า เครื่องยนต์ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีพิสัยการปฏิบัติงานสูงสุด 500 กม. มีระบบเกียร์อัตโนมัติ 12 สปีด ความเร็วสูงสุด 80 - 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งคาดการณ์ว่าตัวส่งผ่านระบบนั้นน่าจะเป็นกระปุกเกียร์ Electronically Controlled Mechanical Gearbox ทำให้เกียร์เดินหน้าและถอยหลังมีระยะเท่ากัน (ในที่นี้ไม่แน่ใจว่าความเร็วในการเดินหน้า-ถอยหลังนั้นน่าจะเท่ากันหรือเปล่า) ซึ่งถือเป็นการออกแบบเฉพาะตัวของโซเวียต/รัสเซีย ตัวส่งผ่านที่รวมเข้ากับเครื่องยนต์ชุดเดี่ยวสามารถถอดเปลี่ยนได้ในสนามรบโดยใช้เวลาเพียง 30 นาที


T-14 มีตัวล้อขับเคลื่อนขนาด 700 มม.ข้างละ 7 ชิ้น มีพื้นฐานมาจากรุ่น T-80 ซึ่งไม่เหมือนกับรถถังของโซเวียตและรัสเซียรุ่นก่อนอย่าง T-90/80/72/64 สองล้อหน้าคือระบบช่วงล่างไฮดรอลิคอันมีพื้นฐานมาจากโช้คอัพแบบแขนก้าน (เคยแสดงให้เห็นในคลิปซ้อมเดินสวนสนามวันแห่งชัยชนะในปี 2015) ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มความสามารถของรถถัง ระบบ Active Suspension จะช่วยปรับค่าในระหว่างทำการล็อคเป้าหมายเพิ่มขึ้นอีก 2.2 หน่วย และลดระยะเวลาในการตรวจจับเป้าหมายรวมไปถึงลดแรงตอบสนองได้ถึง 31% ตัวรถถังมีน้ำหนักราว 48 ตันซึ่งง่ายต่อการขนส่งทางรถไฟหรือรถพ่วง มีการบำรุงรักษาเครื่องยนต์และอายุการใช้งานของระบบเกียร์ และสามารถนำทางบนสะพานที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคงภายในประเทศได้ นอกจากนี้ยังสามารถขนย้าย T-14 จำนวนสองคันโดยมีพลรถประจาการพร้อม ๆ กันได้อย่างง่ายดายโดยเครื่องบินขนส่งขนาดใหญ่ An-124 หรือ Ilyushin Il-76 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ PS-90 รุ่นใหม่ล่าสุดเท่านั้น

ภาพ : เครื่อง A-85-3A ของรถถัง Armata
ที่มา : https://thaimilitaryandasianregion.files.wordpress.com/2017/02/p1330771.jpg


[การป้องกัน]
ห้องพลขับ พลประจำรถทั้งสามนายจะได้รับการป้องกันโดยแคปซูลหุ้มเกราะที่อยู่ตรงส่วนหน้าของตัวถัง มีความเทียบเท่า RHA ที่มากกว่า 900 มม. ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตจากการสังหารสูงขึ้น ทั้งตัวถังและตัวป้อมมีการติดตั้งชุดป้องกันด้วยเกราะ Malachit ซึ่งเป็น Explosive Reactive Armour แบบสองชนิด ระบบถูกติดตั้งตรงส่วนหน้า ด้านข้างและด้านบน ป้อมที่เป็นรูปทรงเหลี่ยมถูกออกแบบมาเพื่อลดการตรวจจับสัญญาณวิทยุและความร้อนจากศัตรู รถถังใช้ระบบควบคุมแบบผสมที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ซึ่งจะตรวจสอบสถานะและหน้าที่ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมด ในระหว่างทำการรบ ตัวโปรแกรมสามารถวิเคราะห์ภัยคุกคามที่เข้ามา จากนั้นจะทำการแนะนำหรือดำเนินการโดยอัติโนมัติเพื่อต่อต้านการโจมตี นอกเหนือจากนี้ยังสามารถตรวจจับหรือแก้ไขข้อผิดพลาดของพลรถได้อีกด้วย ซึ่งในการสร้างชุดเกราะแบบเซรามิคของ Armata Platform ได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางปี 2015


ภาพ : ข้อมูลรายละเอียดพร้อมแผนผังการวางแคปซูลห้องคนขับขอบ T-14
ที่มา : https://www.offiziere.ch/?p=30851

ระบบป้องกันเชิงรุก รถถังคันนี้มีระบบการป้องกันเชิงรุก (Active Protection System) ที่ชื่อว่า Afghanit (ภาษารัสเซีย: Афганит) รวมถึงเรดาร์แบบ Millimeter-Wave ในการตรวจจับ, ติดตาม และสกัดกั้นอาวุธต่อต้านรถถังที่กำลังพุ่งเข้ามา รวมถึงกระสุนพลังงานจลน์และหัวรบแบบ Tandem-Charges ความเร็วสูงสุดที่สามารถสกัดกั้นได้คือ 1,700 เมตรต่อวินาที (มัค 5.0) และคาดการณ์ไว้ว่าในอนาคตอาจเพิ่มสูงขึ้นเป็น 3,000 เมตรต่อวินาที (มัค 8.8) ตามแหล่งที่มาของข่าวอ้างอิงว่า T-14 สามารถป้องกันได้ทุกรอบด้าน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากด้านบนหรือ Top-Attack ได้อยู่ดี


กระทรวงกลาโหมได้อัพเดทข้อมูลในเดือนพฤษภาคมปี 2015 คาดการณ์ว่าเซ็นเซอร์หลักของ Afghanit นั้นคือแผง 4 แผ่นที่ติดตั้งอยู่ด้านข้างของตัวป้อม ซึ่งน่าจะเป็นแผ่นเรดาร์ AESA ที่กระจายออกไปในมุมมอง 360 องศา และอาจมีอีกหนึ่งชิ้นตรงด้านบนป้อมปืน ชิ้นส่วนของระบบประกอบไปด้วย Hard Kill และ Soft Kill ระบบแรกมีหน้าที่สกัดกั้นขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามา (เช่นจรวดที่ไม่มีระบบชี้เป้า หรือกระสุนปืนใหญ่) ส่วนระบบที่สองนั้นจะทำให้ระบบชี้เป้าของ ATGM เกิดความสับสนและสูญเสียความสามารถในการล็อคเป้าหมาย พวกเขาเชื่อมั่นว่ามันน่าจะมีผลกับ ATGM รุ่นที่ 3 กับรุ่นที่ 4 เช่น Hellfire, TOW, BILL, Javelin, Spike, Brimstone และมิสไซล์จากอากาศสู่ภาคพื้นดิน รวมไปถึง Sensor-Fused Weapons (SFW)


แหล่งข้อมูลของรัสเซียอ้างอิงว่า Hard Kill APS นั้นจะยังทำงานได้ดีแม้จะมีการใช้กระสุน APFSDS แบบแกนยูเรเนียมเสื่อมสภาพ(DU : Deplate Uranium) ที่มีความเร็วสูงถึง 1.5 – 2 กิโลเมตรต่อวินาทีก็ตาม ในขณะที่หลายคนยังมีข้อกังขา และกล่าวว่าการระเบิดแบบกระจายตัวนั้นน่าจะหยุดยั้งพลังงานของกระสุนเจาะเกราะที่มีความหนาแน่นได้ไม่มากเท่าไหร่นัก และอาจยังมีวิธีอื่นในการทำลาย T-14 โดยใช้วิธีโจมตีแบบ Hit-to-Kill แต่ตามแหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวว่ามีการทดสอบภาคปฏิบัติ และมีข้อยืนยันถึงการทำลายกระสุนปืนกลยูเรเนียม (ซึ่งเป้าหมายมีความเร็วสูงถึง 2 กม. / วินาที) แต่ถึงกระนั้นตามนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงสงสัยถึงความสำเร็จในการทดสอบที่ยังไม่ได้รับการยืนยันแน่ชัด รวมถึงไม่มีการสาธิตขีดความสามารถของมันอย่างเป็นทางการ


Afghanit Hard-Kill launchers หรือเครื่องยิงหัวระเบิด มีลักษณะเป็นแท่งกลมยาวซึ่งติดตั้งอยู่ระหว่างด้านข้างป้อมปืนกับตัวถังทั้งซ้ายขวาชุดละ 5 ลูก นักวิเคราะห์หลายท่านคาดเดาว่าหัวรบที่ใช้น่าจะเป็นแบบระเบิดกระจายแรงสูง (High-explosive Fragmentation Charge) และติดตั้งการป้องกัน NII Stali Upper Hemisphere Protection Complex เอาไว้


[เสียงตอบรับและประวัติของ T-14 Armata] 

เดือนกรกฎาคมปี 2015 รองผู้อานวยการบริษัทผลิตรถถัง Uralvagonzavod อ้างว่า T-14 นั้นยากต่อการถูกตรวจจับจากเรดาร์และอินฟราเรดเนื่องจากมีสีเป็นตัวดูดซับ อีกทั้งตำแหน่งของชิ้นส่วนที่มีการปล่อยสัญญาณความร้อนก็อยู่ภายในส่วนลึกของตัวรถถังด้วย แต่ผู้เชี่ยวชาญยานเกราะทั้งฝ่ายรัสเซียและสหรัฐยังคงมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้ออ้างดังกล่าวที่ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ


เจ้าหน้าที่อาวุโสชาวอเมริกันซึ่งเกษียณอายุราชการกล่าวไว้ว่า เทคโนโลยีตรวจจับความร้อนที่ทันสมัยสามารถตรวจจับสิ่งต่าง ๆ เช่นการเคลื่อนไหวของยานพาหนะ, การยิงอาวุธ, พลประจำรถ หรือ
แม้กระทั่งไอเสียของเครื่องยนต์ที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุขนาด 50 ตันได้โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงตำแหน่งชิ้นส่วนที่ปล่อยความร้อนออกมา ส่วนนักวิเคราะห์ท่านอื่นได้ชี้แจงว่าเทคโนโลยี Stealth ในประเทศรัสเซียส่วนใหญ่ล้วนเป็นเครื่องบินที่ลดค่าหน้าตัดเรดาร์หรือ RCS (Radar Cross Section) จากการตรวจจับทางอากาศหรือภาคพื้นดิน และได้นำมาใช้กับยานเกราะภาคพื้นดินเพื่อลดการถูกตรวจจับจากอากาศสู่พื้น

แม้ว่า T-14 Armata ของรัสเซียจะได้รับการยกย่องว่าเป็นรถถังหลักที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ แต่ส่วนประกอบบางชิ้นอาจจะได้ไม่ถูกสร้างขึ้นภายในประเทศ นักวิเคราะห์จาก Cybersecurity ระบุว่าอุตสาหกรรมของรัสเซียมีปัญหาในการผลิตส่วนประกอบที่สาคัญของระบบ Night-Vision ซึ่งถือเป็นข้อมาตรฐานสาคัญสาหรับรถถังหลัก และมีความพยายามที่จะซื้อชิ้นส่วนจากตะวันตกหรือจีนในช่วงอดีตที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าส่วนประกอบดั้งเดิมของ T-14 บางชิ้นอาจเกิดขึ้นนอกประเทศ และอาจเป็นเรื่องยากในการผลิตเนื่องจากนโยบายการคว่าบาตรที่มีผลต่อรัสเซีย ในกรณีที่รัสเซียได้เข้าไปพัวพันแทรกแซงไครเมียและยูเครนทางตะวันออก


T-14 ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกในงานสวนสนามวันแห่งชัยชนะในมอสโควปี 2015 ระหว่างการฝึกซ้อมรถถังคันหนึ่งได้หยุดเคลื่อนไหว และหลังจากล้มเหลวในความพยายามที่จะชักลากจูงประมาณ 15 นาทีก็พบสาเหตุสาคัญคือไม่ได้ปลดเบรคมือ ก่อนจะทำการแก้ไขปัญหาและเคลื่อนตัวต่อไปได้ ทั้งนี้ตัวพลขับเองก็ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับรถถัง T-14 ด้วย

สหพันธรัฐรัสเซียคาดการณ์ไว้ว่าจะสั่งซื้อ T-14 จำนวน 2,300 คันและส่งมอบภายในปี 2020 ในปี 2014 สื่อของรัสเซียได้ประกาศว่ามีการจัดส่งรถถังจำนวน 20 คันโดยไม่ทราบถึงแหล่งที่มา และมีอย่างน้อย 7 คันที่เข้าร่วมขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะในปี 2015 – 2018

แต่ในปี 2016 กระทรวงกลาโหมของรัสเซียประกาศว่าได้มีการลงนามสัญญาว่าจ้าง “รถถังรุ่นทดสอบ” (Test Batch) จานวน 100 คันในปี 2020 โดยโครงการจะคงดาเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงปี 2025 อย่างไรก็ตามเรื่องจากการขาดแคลนงบประมาณ ทาให้ T-14 Armata ไม่สามารถกลายเป็น Mass Product ได้ ซึ่งในเดือนกรกฎาคม รองนายกรัฐมนตรี Yury Borisov กล่าวว่ารถถัง T-14 Armata มีราคาค่อนข้างแพงและไม่มีความจาเป็นต้องผลิตออกมาในจานวนมาก อีกทั้ง T-72 ที่มีอยู่ยังคงเป็นที่ต้องการและยังมีประสิทธิภาพในการใช้งาน


T-14 Armata อาจเป็นรถถังหลัก Next-Generation ชุดแรกที่จะเข้าสู่สายการผลิต ซึ่งมันก็ได้สร้างความกังวลให้แก่กองทัพตะวันตกอยู่บ้าง และหน่วยสืบราชการลับอังกฤษมองว่าป้อมไร้พลขับนั้นอาจ
มีข้อได้เปรียบในหลายประการ อย่างไรก็ตามผู้สังเกตการณ์ชาวตะวันตกมีความเห็นว่ารัสเซียมีความสามารถในการซื้อรถถังสมัยใหม่เช่น T-90 และ T-14 ในจำนวนที่มีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ German Rheinmetall AG จึงพัฒนาปืนใหญ่ลำกล้องเรียบรุ่นใหม่ขนาด 130 มม. L/51 โดยอ้างว่ามีการเจาะเกราะเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปืนขนาด 120 มม. L/55 เยอรมนีและฝรั่งเศสได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบต่อสู้พื้นดิน "Main Ground Combat System" (MGCS) เพื่อแข่งขันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ Armata พร้อมทั้งจะนามาใช้งานแทน Leclerc และ Leopard 2 ประมาณปี 2030


ต่อมา หลังจากที่บริษัท Uralvagonzavod เสนอโครงการอัพเกรดรถถัง T-72 รุ่นใหม่ให้กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ในวันที่ 30 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 2018 ทางรัสเซียก็ได้ออกมาประกาศว่า รัสเซียนั้นไม่มีงบพอที่จะ mass product รถถัง T-14 Armata ซึ่งมีราคาแพง จึงหันไปพิจารณาตัวเลือกที่ใช้งบประมาณน้อยกว่าและมีความสามารถมาประจาการแทน T-14 ตามที่วางแผนไว้ คือการอัพเกรดรถถัง T-72 นั่นเอง และเหตุนี้จึงทาให้ T-14 ซึ่งเป็น Mass Product ต้องถูกยกเลิก และคาดว่าน่าจะผลิตออกมาได้จานวนสูงสุดแค่ 100 คันเท่านั้น


[ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียน] 
by. Aekkaphop Chakkrawanphaisan

T-14 Armata ถือเป็นรถถังหลักที่ทันสมัยที่สุดในขณะนี้ แต่ก็อาจจะมีคนสงสัยว่า หากนา M1A2 SEP v3 มาประชัน ใครจะเป็นผู้ชนะและใครจะเหนือกว่ากัน


นักวิเคราะห์ท่านหนึ่งกล่าวว่า แม้ด้านหน้าตัวถังของ T-14 จะมีความหนาประมาณ 1,000 มม. แต่ป้อมไร้พลขับนั้นกลับไม่ได้หนาอย่างที่คนเข้าใจ บวกกับการบรรจุกระสุนรอบวงแหวนระหว่างป้อมกับตัวถัง ดังนั้นหากทาการยิงที่ซอกคอระหว่างนั้น หรือใช้ ATGM ยัดเข้าไปก็อาจทำให้ป้อมบินได้ตามสไตล์รัสเซีย อีกทั้งกระสุนที่ M1A2 SEP v3 ใช้ปัจจุบันมีค่าเจาะเกราะที่สูงมาก ก็อาจจะยิงเข้าส่วนหน้าของตัวรถเข้าได้ในระยะ 2 กิโลเมตร (แต่จะเข้ามากเข้าน้อยก็ขึ้นอยู่กับมุมองศาที่ปะทะกับ ERA ซึ่งติดซ้อนทับอีกที) อย่างไรก็ตามการออกแบบ T-14 ของรัสเซียในปัจจุบันนี้ บ่งบอกได้ว่าพวกเขาได้รับรู้ถึงข้อเสียสำคัญและนำมาปรับใช้ ทำให้พลประจำรถมีโอกาสรอดจากการถูกสังหารมากขึ้น


ในทางกลับกัน M1A2 SEP v3 เองก็มีเกราะหน้าที่หนาประมาณ 900 มม. (ซึ่งข้อมูลที่แท้จริงอาจจะหนามากกว่านี้ก็ได้) หากเจอกระสุน Vacuum-1 ของรัสเซียที่มีค่าเจาะสูง 1,000 มม. ก็อาจมีสิทธิ์ยิงเข้าด้านหน้าได้ในระยะ 2 กิโลเมตรเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น M1A2 SEP v3 ขึ้นชื่อเรื่องความหนาของ
เกราะ ดังนั้นโอกาสที่จะยิงเข้าทั้งสองฝ่ายในระยะไกลขณะหันหน้าตรงอยู่ที่ 50 – 50 โชคดีที่ T-14 Armata มีระยะการตรวจจับที่ค่อนข้างดีในเวลากลางวันถึง 7.5 กิโลเมตร หากใช้ระยะห่างและการตรวจจับให้เป็นประโยชน์ก็อาจจะต่อต้าน M1A2 SEP v3 ได้


ดังนั้นข้อสรุปก็คือ M1A2 SEP v3 ยังมีโอกาสโค่นล้ม T-14 Armata ได้ ในทางกลับกัน T-14 Armata เองก็มีสิทธิ์โค่นล้ม M1A2 SEP v3 ได้เช่นกัน (เอารุ่นตัวท็อปทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบกันก็คงจะสมน้าสมเนื้อที่สุดแล้วล่ะครับ) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวางแผน สถานการณ์ ทักษะฝีมือของพลรถและประสบการณ์เข้าช่วยด้วย... แต่ทางที่ดีอย่าให้สองคันนี้มาเจอกันในสนามรบเลย

ก็หวังว่าสักวันหนึ่ง T-14 Armata จะมีโอกาสกลับเข้าสู่ Mass Product อีกครั้ง

               ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านบทความแปลฉบับนี้ หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ส่วนผู้ที่เป็นโปรรัสเซียจริง ๆ กับผู้เชี่ยวชาญด้านรถถัง หากมีจุดไหนที่อยากให้แก้หรือเสริมข้อมูลสามารถคอมเมนท์เพิ่มเติมได้เลยนะครับผม และเจอกันใหม่บทความหน้า Увидимся в следующий раз.

[อ้างอิง]
 http://www.military-today.com/tanks/armata.htm
 https://en.wikipedia.org/wiki/T-14_Armata
 https://thediplomat.com/2018/07/russia-will-not-mass-produce-5th-generation-stealth-fighter-jet/

เขียนโดย : Aekkaphop Chakkrawanphaisan 
เรียบเรียงและจัดทำโดย: Mighty mo









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

สุดยอดอาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำยุคใหม่ ตอนที่ 1 BrahMos เจ้าพ่อความเร็ว แห่งวงการจมเรือ

สุดยอดอาวุธนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำยุคใหม่ ตอนที่ 1   BrahMos เจ้าพ่อความเร็ว แห่งวงการจมเรือ BrahMos                  Brah...